IG ปาน - ธนพร แวกประยูร | วิชาใจ หลวงพี่โก๋ 🙏🙏🙏#โลกเราทั้งผองพี่น้องกัน สังเกตมั้ย เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น... แนวทางในการแก้ปัญหาสามารถแบ่งออกได้เป็นสองแนวทางใหญ่ ๆ คือ หนึ่ง จัดการกับ ‘คน’ ที่เราคิดว่าเป็นต้นตอของปัญหา และ สอง จัดการกับ ‘ปัญหา’ หมอท่านหนึ่งเอ่ยกับกับผู้เขียน ประมาณว่า ทำไมคนที่มีความเสี่ยงไม่ยอมบอกความจริง เมื่อถูกซักประวัติ ถ้าเขาให้ข้อมูลตามความเป็นจริง หมอจะจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้น เวลาที่ผู้มีความเสี่ยงไม่บอกความจริง จะมีปัญหาตามมาอีกเยอะเลย หมอสงสัยว่าทำไม เขาถึงไม่ช่วยหมอ ทำไมถึงช่วยปกปิดข้อมูลให้ไวรัส คำถามของคุณหมอน่าสนใจมาก ในสงครามระหว่างมนุษย์กับไวรัส ทำไมผู้มีความเสี่ยงจึงเลือกที่จะปกปิดข้อมูล ซึ่งดูเหมือนเป็นการสนับสนุนไวรัส มากกว่าช่วยหมอ...ให้ช่วยเขาได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ถอยออกมามองภาพรวมที่เกิดขึ้นในสังคม สิ่งที่เราเห็นจนชินตา เวลาที่ใครสักคนกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ดี คนส่วนมากมีแนวโน้มที่จะจัดการ ‘คน’ ทำผิด มากกว่าช่วยเหลือให้เขาปลอดภัยจากเหตุที่ทำให้เขาผิดพลาดไป ตอนเด็กๆ ผู้เขียนก็เคยโกหก ก็เรากลัวถูกลงโทษ หรือกลัวผลสืบเนื่องแย่ๆ เมื่อพูดความจริง ซึ่งบางครั้งก็เป็นความกลัวที่คิดนึกไปเอง เช่น กลัวคุณพ่อคุณแม่จะไม่รัก กลัวท่านจะเสียใจ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลย พอบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็มักจะสอนว่า ปัญหามีไว้แก้ไข แก้ไขได้ก็ดี แก้ไขไม่ได้ก็ยอมรับปล้วอยู่กับมันไป การกลบเกลื่อนหรือหมักหมมปัญหามีแต่จะทำให้ปัญหาค่อยๆ ทวีคูณจนจัดการได้ยาก นั่นคงเพราะความเป็นครอบครัวที่ทำให้เราคิดได้ว่า การจัดการปัญหา น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จัดการคน เร็วๆ นี้ หมออีกท่าน เปรยกับผู้เขียนถึงปัญหาหนึ่งที่ผู้เก็บตัวสังเกตอาการที่บ้าน หรือสถานสังเกตอาการต้องประสบ คือ ปัญหาจากคนรอบตัว ทั้งระหว่าง และหลังการเก็บตัวสังเกตอาการ บางกรณี แค่เรื่องการอยู่การกินให้ครบตามโภชนาการก็ลำบากอยู่แล้ว ยังถูกคนในชุมชนรังเกียจ ต่อต้าน หลายกรณีที่ผู้ประกอบการที่อนุเคราะห์สถานที่เฝ้าดูอาการก็โดยหนักเหมือนกัน โปรดอย่าเข้าใจผิดว่า ผู้เขียนสนับสนุนความคิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพียงอยากให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะจัดการ ‘คน’ มากกว่า ‘ปัญหา’ หรือ ‘ไวรัส’ หรือ ‘การแพร่ระบาด’ ในช่วงเทศกาลครอบครัว ขอเล่าเรื่องน่าชื่นใจให้ฟังกันดีกว่า เป็นประสบการณ์การกักตัวสังเกตอาการที่บ้านของคุณผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อคิดทบทวนสถานที่ และบุคคลที่เธอข้องเกี่ยวในช่วงที่ผ่านมา คุณผู้หญิงท่านนี้ตัดสินใจเก็บตัวในบ้านสิบสี่วันโดยลำพัง เพื่อไม่ให้เพื่อนกังวลว่าเธอหายไปไหน

โพสต์เมื่อ
12 เม.ย. 63 - 07:46:24
ถูกใจ
0 คน
ความคิดเห็น
0 ข้อความ
คะแนน
0.00
@parnthanaporn เธอแจ้งความตั้งใจที่จะกักตัวในบ้านสิบสี่วันให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบผ่านทางไลน์... ก่อนกักตัว เธอเตรียมเสบียงอาหารบางส่วนเพื่อไม่ต้องข้องแวะกับผู้คนนอกบ้านโดยไม่จำเป็น และยังวางแผนใช้บริการส่งอาหารและของใช้ถึงบ้าน ถ้าเบื่ออาหารที่เตรียมไว้ หรือต้องการอะไรเพิ่มเติม เมื่อเพื่อนบ้านได้รับข้อความ ก็ส่งข้อความชื่นชมและให้กำลังใจเธอ พร้อมอาสาจัดส่งอาหารให้วันละครั้ง แต่ละครั้งกะให้เพียงพอแบ่งทานได้สามมื้อ แทนที่เพื่อนบ้านจะทำอาหารแค่พอดีทานกันเองในครอบครัว ก็เตรียมเผื่อเธอด้วย ทุกวันจะนำอาหารมาแขวนที่รั้วประตูบ้านเธอ แล้วก็ส่งข้อความให้เธอมารับไป ที่น่าสนใจคือผู้ที่กักตัวเองอยู่ที่บ้านได้รับกำลังใจมาก ถึงกับแชร์ภาพอาหารที่ข้างบ้านจัดให้ในแต่ละวัน... นี่เป็นตัวอย่างของการร่วมมือกันจัดการปัญหา ไม่ใช่จัดการคน แทนที่จะเปลืองพลังงานไปกับความหวาดระแวง นำพลังงานมาช่วยคนจัดการกับปัญหา ซ้ำยังเป็นการสร้างเสริมมิตรภาพ บรรยากาศปีใหม่ไทยปีนี้แตกต่างจากปีที่ผ่านๆ มา เราอาจไม่ได้ออกไปเล่นสนุกกันนอกบ้านอย่างเคย ไม่ได้ไปเดินทางไปกราบขอพรรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ตามประเพณี แต่บรรยากาศที่คนในสังคมทุกภาคส่วน ทั้งระดับชุมชน ประเทศ และโลก ช่วยเหลือกันแก้ปัญหาดุจหนึ่งครอบครัวใหญ่ ถือเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลครอบครัวที่เหมาะแก่เวลาและสถานการณ์อย่างมากทีเดียว ผู้เขียนคิดถึงคำของ มหาตมะ คานธีที่ว่า “การเป็นมิตรกับโลก และเห็นประชาชนในโลกเป็นดั่งหนึ่งครอบครัวใหญ่ คือทางสว่าง” ...ข้อเสนอแนะนี้ยังใช้ได้ดีอยู่เลย สุขสันต์วันปีใหม่ไทยครับ
@chayrawongwat 🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻